วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เครือข่ายแบ่งออกตามลักษณะกายภาพ เช่น PAN ,LAN,MAN,WAN

เครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบ่งตามระยะทาง ได้ 4 ชนิด ได้แก่

1.เครือข่ายแบบบุคคล (PAN : PERSONAL AREA NETWORK) มีระยะทางการเชื่อมต่อ ไม่เกิน 1 เมตร
2.เครือข่ายแบบท้องถิ่น LAN ( LOCAL AREA NETWORK) เชื่อมโยงในระยะใกล้ เช่น ภายในตึก สำนัก งาน ฯลฯ ระยะทางการเชื่อมต่อ ไม่เกิน 10 กิโลเมตร
3.เครือข่ายเชื่อมโยงระยะไกล (MAN : METROPOLITAN AREA NETWORK) ระยะทาง 100 กิโลเมตร
4.เครือข่ายแวน (WAN : WIDE AREA NETWORK) ครอบคลุมทั่วโลก

จำแนกประเภทของเครือข่ายได้ 3 คือ

1.ใช้ขนาดทางกายภาพของเครือข่ายเป็นเกณฑ์ แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทดังนี้

1.PAN (PERSONAL AREA NETWORK): เครือข่ายแบบบุคคล
2.LAN ( LOCAL AREA NETWORK): เครือข่ายแบบท้องถิ่น
3.MAN (METROPOLITAN AREA NETWORK): เครือข่ายเชื่อมโยงระยะไกล
4.WAN (WIDE AREA NETWORK): เครือข่ายบริเวณกว้าง

2. ใช้ลักษณะหน้าที่การทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทดังนี้

1. Peer-to-Peer Network หรือเครือข่ายแบบเท่าเทียม
2. Client-to-Server Network หรือเครือข่ายแบบผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ

3. ใช้ระดับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. Intranet เครือข่ายส่วนบุคคล
2. Internet เครือข่ายสาธารณะ
3. Extranet เครือข่ายร่วม

อินเตอร์เน็ต เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์หนึ่งเดียว ที่เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลก เข้าด้วยกันโดยรวมผู้ใช้กว่า 60 ล้านคน เพื่อประกอบกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่ การพูดคุยสนทนา การสื่อสารข้อมูลการแลกเปลี่ยนข่าวสารความรู้ การค้าขายแบบอิเล็กทรอนิกส์ การศึกษาทางไกล ฯลฯ เมื่อครั้งที่อินเตอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นนั้นไม่มีใครเคยคาดคิดว่ามันจะกลายมาเป็นเครือข่าย ที่มีบทบาทกับวิถีชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน จนถึงขนาดที่กำลังจะปฏิวัติวิธีการดำเนินชีวิตของประชากรโลกในศตวรรษหน้า กล่าวคือเมื่อ 20 ปีก่อน กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้มีมติด่วนให้พัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า ARPANET จุดมุ่งหมายคือให้เป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อถือได้สูงสามารถที่จะทำงานได้ แม้ภายหลังที่อเมริกาถูกถล่มโดยอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้นเทคโนโลยีที่ใช้เชื่อมเครือข่ายต้องมีความสามารถที่จะทำงานกับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่เหลือจากการทำลายของอาวุธนิวเคลียร์ เช่น หากโครงข่ายโทรศัพท์ และ เคเบิลถูกทำลายในบางพื้นที่ เครือข่ายจะยังคงทำงานได้โดยการสลับมาใช้โครงข่ายอื่น เช่น โครงข่ายดาวเทียม หรือวิทยุ เป็นต้น นอกจากนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวต้องมีความสามารถในการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างประเภทและต่างรุ่นที่มีอยู่ทั่วไปตามฐานทัพต่าง ๆ ในครั้งนั้นการพัฒนาเครือข่าย ARPANET ได้กระทำร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานสำคัญ ๆ เช่นองค์การ NASA ทำให้ ARPANET เริ่มเติบโตโดยเริ่มมีการใช้งานมากขึ้นสำหรับการศึกษาและการวิจัย ถึงแม้จะเริ่มมีการพัฒนาเครือข่ายอื่น ๆ เช่น DECNET และ BITNET ขึ้นมาเป็นคู่แข่ง แต่เพราะข้อดีของARPANET ที่เป็นระบบเปิด ไม่จำกัดกับเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใด ประเภทหนึ่ง หรือ โครงข่ายเชื่อม (Physical Links) แบบใดแบบหนึ่งทำให้มันเอาชนะคู่แข่งและกลายมาเป็นตัวเชื่อมเครือข่ายอื่น ๆ ที่เข้ากันไม่ได้ ให้สามารถคุยกันรู้เรื่อง ด้วยเหตุนี้ทำให้ ARPANET ถูกพัฒนามาเป็นเครือข่ายของเครือข่าย หรือ อินเตอร์เน็ต (internet) ในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น